Subscribe:

Labels

Wednesday 8 August 2012

Japan Winter : ลั้ลลาญี่ปุ่นหน้าหนาว

Review 10 Days 10 Nights in Japan : 27 Jan – 6 Feb 2012
Fukuoka - Osaka – Kobe – Kyoto – Tokyo
DSC_0242

ทริปนี้ไปเที่ยวกัน 4 คนค่ะ เริ่มจากด้านซ้ายนะคะ พี่น๊อบ หนิง แนน และ เอก ค่ะ ^^
หนิงกับพี่น๊อบบินจากเมลเบิร์นไปฟูกุโอกะนะคะ แล้วไปเจอแนนกับเอกที่บินมาจากกรุงเทพที่นั่น ขากลับเรากลับจากโตเกียวค่ะ การเดินทางครั้งนี้พึ่งแนนกับเอกเป็นหลัก เพราะเค้าทั้งสองคนเคยไปญี่ปุ่นกันแล้วหลายครั้ง แต่หนิงกับพี่น๊อบครั้งนี้เป็นครั้งแรกนะคะ และแน่นอนว่าจะต้องมีครั้งต่อไปอีกแน่ๆค่ะ!!!
มาถึงฟูกุโอกะแอร์พอร์ท เป็นสนามบินเล็กๆค่ะ เพราะฟูกุโอกะเป็นเมืองเล็กๆทางใต้ของญี่ปุ่น การเที่ยวครั้งนี้ เราจะเริ่มจากทางใต้ แล้วขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ โดยใช้ Japan Rail Pass นะคะ

japan_map_2
Japan Rail Pass นี่หนิงกับพี่น๊อบซื้อจากเว็บไซด์ค่ะ http://www.railplus.com.au/japan-by-rail/japan-rail-pass/prices-info.htm ราคาก็ตามตารางข้างล่างนี้เลยค่ะ

JR

เราซื้อแบบ 7 วันกันนะคะ เพราะทริปนี้ไปเที่ยวทั้งหมด 10 วัน โดยเริ่มใช้ในวันที่สองของทริปค่ะ จะได้ครบกับการต้องนั่งรถข้ามเมืองพอดี ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าต่อไปนะคะ ด้วยความที่ไปกันหลายเมือง และต้องลากกระเป๋าเปลี่ยนโรงแรมกันตลอด แนนกับเอกเลยแนะนำให้ซื้อแบบ Green Pass เพราะว่ารถไฟตู้ของ Green จะกว้างกว่า นั่งสบายกว่า มีทีให้วางกระเป๋าได้เยอะกว่า และยังสามารถจองที่นั่งได้ ซึ่งก็จะทำให้แผนการท่องเที่ยวไม่ผิดพลาด เพราะแนนบอกว่า รถไฟที่ญี่ปุ่นเนี่ย บางทีมันก็แน่นมาก เราอาจจะตกรถไฟได้ และต้องรอรอบต่อไป ซึ่งจะทำให้เสียเวลา = =” ราคาก็อย่างที่เห็นตามตารางเลยค่ะ ต่างกันพอสมควรเลย ตอนซื้อก็แอบเสียดายตังค์ เพราะถ้าไปกันเองแค่หนิงกับพี่น๊อบ คงนั่งแบบธรรมดา Ordinary Pass แน่นอนค่ะ ไว้ครั้งหน้านะคะ ถ้าได้นั่ง Ordinary จะมารีวิวให้ดูอีกทีค่าาา
วันแรก : Fukuoka
หนิงกับพี่น๊อบมาถึงฟูกุโอกะก็เย็นๆแล้วค่ะ วันนั้นเลยไม่ได้ทำอะไรมาก เจอแนนกับเอก เช็คอินที่โรงแรม The B Hakata ลืมถ่ายรูปไว้ค่ะ ห้องเล็ก แต่ว่าก็สะอาดดีนะคะ วางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 2 ใบตรงทางเดินก็เต็มแล้วค่ะ = =” ไม่มี Wifi ในห้องนะคะ ถ้าจะใช้ ต้องเดินลงมาที่ล๊อบบี้ค่ะ
มื้อแรกที่ Fukuoka ค่ะ เป็นร้านราเม็งแสนอร่อย ชื่อร้าน Ichiran เดินจากที่พักไกลพอสมควร หรือว่าเอกพาเดินหลงก็ไม่รู้ 555 อากาศก็หนาวมากกกๆๆๆๆ แต่พอมาถึง ได้กินแล้ว หายเหนื่อยเลยค่ะ เริ่มจากกดตู้ข้างหน้าร้านว่าจะเลือกราเม็งแบบไหน ใส่อะไรบ้าง แล้วก็จะได้ตั๋วออกมาแบบนี้ค่ะ
 Ichiran1Ichiran2















จากนั้นก็เข้าไปในร้านค่ะ คนเยอะมาก แต่โชคดีที่ได้ที่นั่งติดกันชั้น 2 ค่ะ
Ichiran3
จากนั้น เราก็กรอกเพิ่มค่ะ มีแบบฟอร์มาให้ ว่าเราจะเพิ่มอะไรจากที่เรากดตู้สั่งไปข้างหน้าร้านมั้ย? เสร็จแล้วก็ยื่นให้พนักงานค่ะ ซึ่งหน้าคอกที่เรานั่ง จะมีที่เปิดเลื่อนขึ้นลงยื่นใบออเดอร์ให้พนักงานได้ค่ะ ตอนอาหายังมาไม่ครบ ด้านหน้าของเราจะเปิดไว้ค่ะ พอเสิร์ฟราเม็งเสร็จแล้ว พนักงานก็จะปิดด้านหน้าโต๊ะ ให้เราได้ซดราเม็งกันแบบส่วนตั๊วส่วนตัวค่าา ^^ นั่งเมาท์และถ่ายรูปอยู่แป๊บเดียว ก็นี่เลยค่ะ มาก่อนเลย ไข่ลวกกำลังดี มาทั้งเปลือกนะคะ :)
Ichiran4
มองซ้ายมองขวา เห็นแนนแกะเปลือกออก จิ้มกับเกลือนิดหน่อย เลยเอาบ้างค่ะ เริ่มแกะ >.<

Ichiran5
ลืมบอกไป มุมซ้ายของแต่ละโต๊ะ จะมีที่กดน้ำเปล่าให้เราบริการตัวเองนะคะ สะดวกดีค่ะ ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานเยอะมาบริการค่ะ :) แกะเปลือกไข่เสร็จ ก็มาพอดีค่ะ ราเม็งร้อนๆ หนิงขอแบบเส้นนุ่มขึ้นหน่อยค่ะ เป็นคนชอบเส้นนิ่มๆ ตามรูปเลยค่ะ น่ากินมากกกกกกกกกกกกกกก

Ichiran6
ราเม็งหอมมากกกกค่ะ น้ำซุบข้น หวาน เค็มกำลังดี อร่อยมากกๆๆ ไม่รู้จะบรรยายยังไง ปกติเป็นคนไม่ชอบทานก๋วยเตี๋ยวอะไรอย่างอื่น นอกจากก๋วยเตี๋ยวเรือบ้านเรา หรือก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสแซ๊บบบ แต่ราเม็งนี่เป็นรถที่กลมกล่อมกำลังดีมากค่ะ ซดน้ำชื่นใจสุดๆ โดยเฉพาะไปญี่ปุ่นช่วงหนาวๆนี่ ได้บรรยากาศมากกกค่ะ

Ichiran9
ใส่ไข่ลงไปค่ะ ทานกับน้ำซุบราเม็ง อร่อยไม่ไหวแล้วววว สังเกตุได้นะคะ ว่าม่านด้านหน้าโต๊ะจะปิดทึบแล้วตอนนี้ค่ะ

Ichiran10
อร่อยมากๆค่ะ ประทับใจกับมื้อแรกมากกก ดีใจที่แนนกับเอกพามาร้านนี้ก่อนเลย สุดยอดดดด สมคำร่ำลือจริงๆค่าาา

Ichiran11















พี่น๊อบ หน้าตาเหมือนไม่อร่อยนะคะ? แต่สังเกตดูที่ชามราเม็งได้ค่ะ เกลี้ยงกริบเป็นคนแรก แบบไม่มีเหลือซักหยดค่าา 555
Ichiran8
Ichiran17
อร่อยกันถ้วนหน้าค่ะ อิ่มกันทุกคนแล้ว ก็เดินย่อยค่ะ กลับมาเดินเล่นชอปปิ้งที่ตึก Canal City ค่ะ ไม่ไกลจาก Hakata Station ค่ะ ได้เดินแค่แป๊บเดียวค่ะ ร้านก็ปิดกันหมดแล้ว แต่เราทุกคนไม่หยุดแค่นั้นค่ะ รู้สึกว่าราเม็งมันย่อยเร็วหรือยังไงก็ไม่รู้ เห็น Sushi Train ด้านล่างตึก ดูน่ากินมากกกค่ะ ตอนแรกว่าจะเดินผ่านเฉยๆ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ทุกคนเห็นตรงกันว่าลองซะหน่อยละกัน พอหอมปากหอมคอ คิดได้ดังนั้น ก็จัดไปค่ะ ^^

DSC_0123
ป้ายหน้าร้านค่ะ ระหว่างรอโต๊ะ อย่าให้ว่าง ถ่ายรูปตลอด ^^

DSC_0125
ร้านเล็กๆ มีม่านข้างหน้าสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ กระเป๋าและเสื้อโค้ทมีที่วางเป็นกล่องๆใต้เก้าอี้ที่นั่งค่ะ พร้อมแล้วเข้าไปในร้านกันเลยค่าา

DSC_0134
หน้าตาเชฟนักปั้น หน้าตาเหมือนๆกันทุกคนเลยค่ะ 555 แต่ก็โอเคนะ นับว่าเป็นวิวที่ใช้ได้ในการกินซูชิค่ะ ไปดูหน้าตาอาหารกันบ้างดีกว่าค่ะ

DSC_0127
ซูชิโรล แซลมอลค่ะ ย่างหน่อยๆด้านบน มีซอสมายองเนสข้างใน อร่อยมากๆค่ะ ปลาสดจริงๆค่ะ!!!
DSC_0129
อันนี้จำชื่อไม่ได้ค่ะ แต่ว่าอร่อยมากเหมือนกัน ส่วนตัวจากที่ได้ลองซูชิมาหลายๆเมืองจากทริปนี้ ชอบสไตล์ของฟูกุโอกะมากสุดเลยค่ะ เพราะมันจะมีซอสมายองเนส หรืออะไรต่างๆผสมอยู่ บางคนอาจไม่ชอบ เพราะไม่ได้รสชาดปลาล้วนๆ แต่หนิงถูกปากมากกกค่ะ ^^
 DSC_0131
อันนี้จานเด็ด เป็นพระเอกเลยค่ะ เนื้อส่วนท้องของปลาทูน่า หรือที่เรียกว่าโอโทโร่ ย่างหน่อยๆ บอกตามตรง ก่อนมาเที่ยวครั้งนี้ ไม่เคยทานเลยค่ะ แต่พอลองเข้าไปเท่านั้นแหละ โอ้มายก๊อดดด!!! ทำไมไม่มีขายที่ออสเตรเลียบ้างงง T__T ทุกวันนี้ยังคิดถึงความหวาน มัน สด อร่อยของเนื้อปลาอยู่เลยค่ะ อร่อยละลายในปากมากกกกค่ะ!!!

DSC_0139 
น้ำชาเขียวร้อนค่ะ เติมฟรีตลอด มีผงชาเขียวให้ตักได้มากน้อยตามใจชอบค่ะ แล้วมีที่กดน้ำร้อนให้บนโต๊ะค่ะ ผสมเองดื่มเอง ได้อารมณ์มว๊ากกก ทริปนี้ดื่มชาเขียวร้อนเกือบทุกมื้อค่ะ แถมยังซื้อผงกับใบชาเขียวกลับบ้านอีกเป็นกระตั๊กเลยค่ะ :)
อิ่มแล้ว (จริงๆ) ก็กลับโรงแรม แช่น้ำในอ่าง สลบเลยค่ะ เตรียมตัวตื่นเช้าเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้ค่าาา ^^

0 comments:

Post a Comment